คำถามที่พบบ่อย

การขยายกำหนดเวลาไถ่ สามารถทำได้

โดยผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝากจะต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับซื้อฝากและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน

ทำสัญญาขยายเวลาไถ่กี่ครั้งก็ได้แต่รวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 10ปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝาก

ถ้าข้อตกลงขยายระยะเวลาไถ่ขายฝากไม่นำไปจดทะเบียนจะยกเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตมิได้

1.ค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คิดตามเกณฑ์ของกรมสรรพากร

2.ค่าธรรมเนียมการโอน(ขายฝากมีลักษณะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์) 2% ของราคาประเมินกรมธนารักษ์

3.ค่าอากรแสตมป์ 0.5% หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% (ในกรณีผู้ขายฝากถือครองทรัพย์มาได้ไม่นาน)

4.ค่าคำขอ ค่าพยาน ตามเกณฑ์ของกรมที่ดิน

1.เตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน

2.ติดต่อเจ้าหน้าที่เข้าประเมินราคาหลักทรัพย์

หลังจากผู้กู้ได้ส่งข้อมูลหลักทรัพย์และติดต่อนัดบริษัทประเมินเข้าประเมินทรัพย์สินแล้ว

จะใช้เวลาประเมินหลักทรัพย์ไม่เกิน 7 วัน

หลังจากได้รายงานประเมินและตรวจสอบเอกสารแล้ว หลักทรัพย์ของผู้กู้จะถูกส่งขึ้นประมูล ให้ข้อเสนอภายใน7วัน

การขายฝากอสังหาริมทรัพย์จะมีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองหลังโฉนด เป็นของผู้รับซื้อฝาก

โดยมีกำกับว่า "ขายฝาก" รวมถึงระบุระยะเวลาขายฝากมีการทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ กรมที่ดิน ของเขตพื้นที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้น

ถ้าถึงกำหนดไถ่ถอนแล้วผู้ขายฝากไม่มาไถ่ถอน ทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที

แต่การ "จำนอง" ทรัพย์สินจะยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับจำนองโดยทันที

หากผิดนัดชำระหนี้ ต้องมีการฟ้องร้องบังคับคดีให้ทางศาลยึดทรัพย์

1 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 10 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด

หากต้องการขายฝากในราคา 1,000,000 บาท โดยมีระยะเวลาในการไถ่ถอนเป็นเวลา 1 ปี และมีกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 9% ต่อปี

1. (1,000,000 x 9%) = ดอกเบี้ยทั้งหมด 90,000 บาทต่อปี

2. 90,000/12 = ดอกเบี้ยต่อเดือน 7,500 บาท

3. เงินต้นรวมดอกเบี้ย = 1,090,000 บาท

4. หรือ 1,090,000/12 = เงินผ่อนชำระต่อเดือน 90,833 บาท

การขายฝากอสังหาริมทรัพย์นั้น มีกฎหมายคุ้มครองทั้งผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝาก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 - 502

noOneloan พิจารณาจากทรัพย์ที่เป็นหลักประกันแต่เพียงอย่างเดียว

และจะไม่ขอดูประวัติการชำระหนี้และเอกสารแสดงรายได้อื่นใด

ติดบูโรก็สามารถยื่นขอวงเงินได้